Page 23 - การดูแลผู้ป่วยด้วยหัวใจบนพื้นฐานของความรู้
P. 23
23
ความมุ่งมั่นของแพทย์รุ่นก่อนๆ ที่มีมากมายเมื่อเทียบกับสมัยนี้ที่อาศัยส่งแล็ปหรือเอ็กเรย์เป็นหลัก บางครั้งผลแล็ปยัง
ไม่ทันได้ดูคนไข้กลับบ้านแล้วก็มี จึงไม่ค่อยได้สัมผัสตัวคนไข้ ไม่มีการดู คลํา เคาะ ฟ๎ง ที่เป็นพื้นฐานของการตรวจโรค จึงทําให้
ความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับคนไข้หายไป เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้นหรือผลการรักษาไม่เป็นไปตามที่คาดหวังจึงเป็นเหตุให้
เกิดการฟูองร้องได้บ่อย แพทย์รุ่นใหม่นิยมใช้ hi-tech แต่ low-touch ผิดกับแพทย์รุ่นเก่าที่ใช้ hi-touch และ low-tech
เพราะเครื่องมือต่างๆที่ช่วยในการวินิจฉัยยังมีไม่มาก ความสัมพันธ์ระหว่างหมอกับคนไข้จึงแตกต่างกัน
ครั้งหนึ่งผมเดินตรวจรพ.ตอนเช้าถึงหอผู้ปุวยสูติกรรม พบว่าแพทย์ใช้ทุนกําลังดูแลคนไข้ร่วมกับน้องนศพ.ปีสุดท้าย
(extern) 2 คน คนไข้เป็นคุณยายอายุ 70 ปี เศษอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง มีลูกสาวนั่งเฝูาอยู่ข้างเตียง สีหน้าทั้งสองคนไม่
มีความสุข ผมเห็นน้องๆ ทั้งสามคนพูดคุยกันพร้อมเปิดดูชาร์ทคนไข้ หลังจากที่สั่งการรักษาเสร็จกําลังจะเดินไปดูเตียงอื่น
ผมจึงเดินเข้าไปถามว่าคนไข้เป็นอะไร น้องหมอบอกว่าคุณยายมารพ.ด้วยปวดท้องและได้รับการวินิจฉัยเป็นโรค pyometra
(หนองในโพรงมดลูก) ได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะและขยายปากมดลูกเพื่อ ขณะนี้ดีขึ้นแล้ว ไม่มีไข้ ปวดท้องน้อยลง
วางแผนว่าจะส่งทําอัลตร้าซาวน์ซ้ําเพื่อดูว่ามดลูกเล็กลงหรือยัง
ผมบอกว่าคุณยายอายุมากแล้วเป็นโรคนี้โอกาสที่จะเป็นมะเร็งค่อนข้างสูง โดยทั่วไปมดลูกจะฝุอหมดแล้วแต่เมื่อเป็น
มะเร็งมีเนื้อตายในโพรงมดลูกเเล้วเกิดการติดเชื้อจะทําให้มีการสร้างหนองขึ้น แต่ปากมดลูกที่ฝุอทําให้รูที่ปากมดลูกตีบจึงทําให้
หนองไหลออกมาไม่ได้สร้างความเจ็บปวดอย่างมากจากมีหนองคั่งอยู่ภายใน จะปวดแบบขบหนอง ในบางรายทําให้โพรงมดลูก
ขยายมากพร้อมกับมีการแพร่กระจายของมะเร็งสู่กล้ามเนื้อมดลูกอาจทําให้มดลูกแตก เป็นเหตุให้คนไข้เสียชีวิตจากการติด
เชื้อได้
ขณะเดียวกันนั้นผมได้นั่งลงข้างเตียงพร้อมกับพูดคุยกับคุณยายทั่วๆ ไป ถามถึงบ้านและลูกๆ พร้อมกับจับมือคุณยาย
ลูบเส้นผมด้านหลังศีรษะ คลําชีพจร เปิดเปลือกตาคุณยายพบว่าซีด ให้คุณยายอ้าปากแลบลิ้นดูลักษณะการขาดน้ําและค่อยๆ
คลําลงมาที่ท้อง กดเบาๆ บริเวณลิ้นปี่และค่อยๆ กดลงมาถึงท้องน้อย บอกกับน้องๆ ว่าคลําไม่ได้ก้อนแล้วแสดงว่ามดลูกน่าจะ
เล็กลงมากโตไม่เกิน 12 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์
ผมสังเกตดูสีหน้าของคุณยายดีขึ้น เริ่มยิ้มแย้มแจ่มใส ทําให้รอบๆ ตัวคุณยายบรรยากาศดีขึ้นมาก ลูกสาวยิ้มได้ ผมบอก
ให้คุณยายทานข้าวมากๆ เพิ่มพวกไข่และเนื้อสัตว์ หมั่นลุกเดินบ่อยๆ เพื่อให้หนองในโพรงมดลูกไหลออกมาให้หมด
ผมจึงพาน้องเดินห่างออกมาพร้อมสอนว่าในขณะที่เราดูชาร์ทคนไข้ว่าดีขึ้น แต่เราสังเกตดูสีหน้าคุณยายหรือเปล่าว่าไม่มี
ความสุขเลย คนไข้ที่หมอบอกว่าอาการดีขึ้นแต่สีหน้ากลับไม่มีความสุข แสดงว่าคุณยายยังคงไม่สบายหรือมีความกังวลอะไร
อาจเป็นเนื่องจากเราไม่ได้พูดคุยหรือสนใจคุณยาย สนใจเพียงสัญญาณชีพและรายงานที่ปรากฏในชาร์ทเท่านั้น
ผมบอกน้องหมอว่าสังเกตดูไหม ขณะที่ผมนั่งข้างเตียงจับมือคุณยายพร้อมกับชวนคุย คุณยายดูมีสีหน้าดีขึ้น ผมลูบผม
คุณยายและถามถึงลูกหลาน ผมตรวจร่างกายคุณยายทั่วไปพบเลยว่าซีดอาจต้องให้เลือดเพื่อให้สบายขึ้นและมีภูมิต้านทานดีขึ้น
จะได้หายเร็วขึ้น ผมกดท้องบริเวณด้านบนและบริเวณอื่นก่อนแล้วจึงกดบริเวณที่ท้องน้อยซึ่งเป็นตําแหน่งของโรค หลังสุด
เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุดเพราะถ้ากดบริเวณที่ปวดก่อนคนไข้จะเกร็งต้าน ทําให้ตรวจบริเวณข้างเคียงไม่ได้ ผมบอกว่าถ้า
เป็นผมเองจะไม่ส่งอัลตร้าซาวน์ซ้ําแต่จะตรวจภายในเพื่อดูขนาดมดลูก บริเวณปีกมดลูกและอุ้งเชิงกราน ไม่จําเป็นต้องรอตรวจ
ด้วยเครื่องอัลตร้าซาวน์ ทั้งยังเป็นการเพิ่มงานให้รังสีแพทย์ด้วย เราควรส่งตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษในกรณีที่มีความจําเป็น
เท่านั้น เพื่อเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
ผมจึงสรุปให้น้องๆ ฟ๎งว่าการที่เราใช้ hi-tech แต่ low-touch นั้นทําให้ความสัมพันธ์กับคนไข้เสียไป คนไข้จะรู้สึกว่า
เราไม่ได้ตรวจรักษาเขา จึงควรเปลี่ยนมาเป็น hi-tech และ hi-touch ด้วยจึงจะทําให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดี ควรพูดคุยกับคนไข้
ถามถึงเรื่องทั่วๆ ไปหรือเรื่องครอบครัวบ้างและควรมาดูคนไข้บ่อยๆแล้วแต่อาการ แต่อย่างน้อยควรเยี่ยมเช้า-เย็น ทําให้ทราบ
อาการที่เปลี่ยนแปลงได้เร็ว โดยไม่จําเป็นต้องรอให้พยาบาลเป็นผู้รายงาน และทําให้ได้รับการรักษาทันท่วงที พร้อมทั้งเป็นการ
แสดงถึงความห่วงใยที่มีต่อคนไข้ซึ่งเป็นสิ่งสําคัญที่ควรมีในจิตใจของคนที่เป็นแพทย์
ผมถือว่าเราควรรักษาคน ที่ไม่สบายเจ็บปุวยเป็นหลัก ไม่เพียงแต่รักษาโรคหรือความเจ็บปุวยที่เขาเป็นเท่านั้น จึงจะ
ถือว่าเป็น "การดูแลคนไข้ด้วยหัวใจอย่างแท้จริง"
“ขอบคุณที่เป็นคนดี”