Page 21 - การดูแลผู้ป่วยด้วยหัวใจบนพื้นฐานของความรู้
P. 21
21
ทําให้มองไม่เห็นจึงสั่งการไปในทางตรงข้าม ความจริงคุณปูาท่านนี้แม้เป็นเพียงผู้ช่วยเหลือคนไข้จบแค่ชั้นประถม แต่ทํางานอยู่
ห้องคลอดมาเกือบตลอดชีวิต มีประสบการณ์ในการช่วยคลอด พบเห็นคนไข้คลอดอย่างมากมาย จึงกล้าที่จะส่งเสียงเตือน
แพทย์แต่กลับเป็นการทําให้แพทย์มีทิฐิจากอัตตาในตัวเองแท้ๆ หลังเหตุการณ์ครั้งนี้แพทย์ขอย้ายตนเอง อาจจะด้วยความ
ละอายใจ เป็นเหตุให้คนไข้ในจังหวัดนั้นขาดโอกาสที่จะได้หมอผู้เชี่ยวชาญดูแลต่อไปอีก น่าเสียดายถ้าคุณหมอได้คิดและถือ
เป็นบทเรียนครั้งสําคัญ ก็จะเกิดประโยชน์กับตัวเองและคนไข้คนอื่นๆ ต่อไป
ไม่นานมานี้ก็เกิดเหตุการณ์อันไม่พึงปรารถนาเช่นกันที่รพ. ในรร.แพทย์แห่งหนึ่ง บังเอิญคนไข้เป็นน้องสาวเพื่อนร่วม
รร.มัธยมปลายของผม คนไข้เข้ารพ.เพื่อจะทําการผ่าตัดมดลูกในวันรุ่งขึ้น แพทย์วิสัญญีสั่งยานอนหลับให้ทานก่อนนอนเพื่อจะ
ได้หลับสบายพร้อมที่จะรับการผ่าตัดในเช้ารุ่งขึ้น คนไข้ได้รับยาก่อนนอนเมื่อดูชื่อยาและลักษณะเม็ดยาแล้วไม่คุ้นกับยาที่เคย
ทาน จึงเปิดอินเตอร์เน็ตพบว่าเป็นยารักษาเบาหวาน จึงนําเอายาไปถามพยาบาลแต่ก็ได้รับคําตอบว่าเป็นยานอนหลับโดยไม่ได้
ฟ๎งคําทักท้วงของคนไข้เลย ทั้งยังบอกว่าเป็นยาที่แพทย์สั่งให้ทาน จึงควรทานแล้วรีบนอนจะได้สดชื่นเพื่อรับการผ่าตัดใน
ตอนเช้า
คนไข้จึงทานยาโดยที่ยังมีความข้องใจอยู่ เวลาผ่านไป 2 ชั่วโมง รู้สึกใจหวิวๆ เหมือนจะเป็นลมจึงตามพยาบาล คราวนี้
วุ่นกันไปหมด ทั้งแพทย์เวรและพยาบาลมาช่วยกันเจาะเลือดวัดระดับน้ําตาล และให้น้ําเกลือเพื่อฉีดกลูโคสทางเส้นเลือดด้วย
พบว่าระดับน้ําตาลต่ํา แพทย์เวรตรวจสอบแล้วพบว่ายาที่ทานเป็นยาลดน้ําตาลในเลือดที่ใช้สําหรับคนไข้เบาหวาน แต่ชื่อคล้าย
กับยานอนหลับ จึงทําให้เกิดความผิดพลาดในการจ่ายยา ทั้งๆ ที่มีระบบความเสี่ยงในทุกรพ.โดยเฉพาะความเสี่ยงทางยาซึ่งพบ
ได้บ่อยที่สุด บางครั้งเกิดอันตรายถึงชีวิตได้
กรณีนี้ คนไข้ปลอดภัยเนื่องจากรู้ก่อนว่าสงสัยน้ําตาลต่ําเนื่องจากคนไข้ข้องใจ จึงระวังตัวสังเกตอาการอยู่แล้ว
เพียงแต่ต้องเจ็บตัวโดยไม่จําเป็น ผมไม่อยากคิดต่อว่าถ้าเป็นคนไข้คนอื่นทั่วไปที่ไม่มีความรู้อะไร หมอให้ยาอะไรก็ทานหมด
อะไรจะเกิดขึ้น ระดับน้ําตาลต่ํามากๆ อาจทําให้สะลึมสะลือหรือหมดสติได้ และยังต้องงดอาหารเช้าด้วยไปผ่าตัดก็ได้น้ําตาล
น้อย เป็นเหตุให้ไม่ตื่นหลังผ่าตัดได้ ผมจึงได้แจ้งให้ฝุายบริหารรพ.ทราบจะได้ทําการตรวจสอบเพื่อสร้างระบบความเสี่ยงที่
รัดกุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จะเห็นได้ว่าทั้งสองกรณีคล้ายคลึงกัน มีคนเตือนก่อนหรือทักท้วงแล้ว เพียงแต่ขาดการเอาใจใส่ที่เพียงพอจึงทําให้ไม่เกิด
ประโยชน์และยังทําให้เกิดโทษอีกด้วย ถ้าเพียงแต่เราหยุดฟ๎งสักนิดแล้วใช้ความรอบคอบความระมัดระวังมากขึ้น ก็น่าจะ
เกิดผลดีต่อคนไข้
ผมจึงให้ชื่อบทความตอนนี้ว่า "จิ้งจกทัก คนโบราณยังต้องหยุด" คุณยายเคยเล่าให้ฟ๎งว่าคนสมัยก่อนจะออกบ้าน
ได้ยินเสียงจิ้งจกร้องทัก จะไม่ออกบ้านไปไหนเพราะถือว่าอาจเกิดเภทภัยได้
ดังนั้น คนเราเมื่อมีคนทักท้วงหรือตักเตือนอะไรก็ตามขอให้รับฟ๎งอย่างมีสติ ลดอัตตาความเก่งความดีของตัวเราลง
จะเกิดผลดีต่อทั้งตัวเราเองและคนอื่นได้
“ขอบคุณที่เป็นคนดี”