Page 57 - ถาม - ตอบ สารพันปัญหาข้อกฎหมายการบริการทางการแพทย์
P. 57
ซึ่งบัญญัติว่า “ข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคลเป็นความลับส่วนบุคคล ผู้ใดจะน าไป
เปิดเผยในประการที่น่าจะท าให้ผู้อื่นเสียหายนั้นไม่ได้ เว้นแต่การเปิดเผยนั้นจะ
เป็นไปตามความประสงค์ของบุคคลนั้นโดยตรง หรือมีกฎหมายเฉพาะบัญญัติ
ให้ต้องเปิดเผย แต่ไม่ว่ากรณีใดๆ ผู้ใดจะอาศัยอ านาจหรือสิทธิตามกฎหมายว่า
ด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการหรือกฎหมายอื่นเพื่อขอเอกสารเกี่ยวกับข้อมูล
ด้านสุขภาพของบุคคลที่ไม่ใช่ของตนนั้นไม่ได้” และในมาตรา ๔๙ “บัญญัติว่า
ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๗ หรือมาตรา ๙ ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับ
ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจ าทั้งปรับ” ซึ่งการอนุญาตถ่ายภาพผู้ป่วยในห้อง
ฉุกเฉิน แบ่งได้เป็น ๒ กรณี คือ
๑. พนักงานสอบสวนหรือต ารวจเป็นผู้ถ่าย กรณีนี้ถือว่าพนักงานสอบสวน
หรือต ารวจมีอ านาจหน้าที่ในการสอบสวนแสวงหาข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน
เพื่อประกอบการด าเนินคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
การถ่ายรูปผู้ป่วยที่เกี่ยวกับคดีในความรับผิดชอบย่อมสามารถท าได้ ตามปกติ
ถ้าผู้ป่วยยังมีสติสัมปชัญญะ หากผู้ป่ วยยินยอมหรือไม่มีท่าทีคัดค้านก็ถือว่า
ผู้ป่วยให้ความยินยอมให้ต ารวจถ่ายรูปได้ แต่กรณีผู้ป่วยไม่มีสติสัมปชัญญะ
แพทย์ต้องรีบท าการรักษาจึงอาจแจ้งต ารวจทราบว่า ยังไม่อาจถ่ายภาพผู้ป่วย
ในตอนนั้น เพราะต้องช่วยชีวิตผู้ป่วยก่อน การเข้าไปถ่ายรูปอาจเป็นการรบกวน
การท างานของทีมแพทย์ พยาบาล ที่อาจส่งผลร้ายต่อผู้ป่วยได้ จึงควรแจ้งต ารวจ
หรือพนักงานสอบสวนทราบ ถ้ามีการถ่ายภาพไปแล้วหรือถ่ายภาพหลังจากการ
ช่วยชีวิตแล้ว แพทย์ พยาบาล หรือเจ้าหน้าที่ ควรบันทึกไว้ในเอกสารหรือใน
เวชระเบียนว่า ต ารวจได้มาท าการถ่ายภาพผู้ป่วย เพื่อประกอบการด าเนินคดี
ไว้ด้วย เพื่อป้ องกันผู้ป่วยมาร้องเรียน หรือฟ้องร้องในภายหลัง
ถาม-ตอบ สารพันปัญหาข้อกฎหมาย การบริการทางการแพทย์ ๔๙