Page 8 - แนวทางปฏิบัติการดูแลรักษาผู้ป่วยใน (IPD) ในสถานการณ์การระบาดของ COVID-19
P. 8
เอกสารแนบที่ 1
แนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษา และป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ฉบับปรับปรุง 1 พฤษภาคม 2563
ที่มา: คณะท�างานด้านการรักษาพยาบาลและการป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรมการแพทย์
กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ คณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่างๆ .:
https://covid19.dms.go.th/Content/Select_Landding_page?contentId=69
ฉบับปรับปรุง วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ส าหรับแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข
แนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษา และป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
1. ผู้ป่วยที่มีอาการระบบทางเดินหายใจอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ไอ น้ ามูก เจ็บคอ ไม่ได้กลิ่น หายใจเร็ว หายใจเหนื่อย
หรือหายใจล าบาก และ/หรือมีประวัติไข้หรือวัดอุณหภูมิได้ตั้งแต่ 37.5°C ขึ้นไป และมีประวัติในช่วง 14 วัน ก่อนวัน
เริ่มป่วยอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
แผนกเวชระเบียน/จุดคัดกรอง 1.1. มีประวัติเดินทางไปยัง หรือมาจาก หรืออยู่อาศัยในพื้นที่เกิดโรคของ COVID-19
- คัดกรองประวัติผู้ป่วย 1.2. ประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว สถานที่แออัด หรือติดต่อกับคนจ านวนมาก
- OPD หรือ ER 1.3. ไปในสถานที่ชุมชน หรือสถานที่ที่มีการรวมกลุ่มคน เช่น ตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า สถานพยาบาล ขนส่ง
สาธารณะ
1.4. สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน หรือสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจของผู้ป่วยยืนยัน COVID-19 โดยไม่ได้ใส่
อุปกรณ์ป้องกันตนเองที่เหมาะสม
เฝ้าระวังในโรงพยาบาล
2. ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบที่ แพทย์ผู้ตรวจรักษาสงสัยว่าเป็น COVID-19
3. เป็นบุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข ที่มีอาการระบบทางเดินหายใจอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ไอ น้ ามูก
เจ็บคอ ไม่ได้กลิ่น หายใจเร็ว หายใจเหนื่อย หรือหายใจล าบาก และ/หรือมีประวัติไข้หรือวัดอุณหภูมิได้ตั้งแต่ 37.5°C
Fever & ARI clinic ขึ้นไป ที่แพทย์ผู้ตรวจรักษาสงสัยว่าเป็น COVID-19
แพทย์ซักประวัติ ตรวจร่างกาย 4. พบผู้มีอาการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจเป็นกลุ่มก้อน ตั้งแต่ 5 รายขึ้นไป ในสถานที่เดียวกัน ในช่วงสัปดาห์เดียวกัน
โดยมีความเชื่อมโยงกันทางระบาดวิทยา
ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์
1) ให้ผู้ป่วยใส่หน้ากากอนามัย พักรอ ณ บริเวณที่จัดไว้ หรือให้รอฟังผลที่บ้านโดยให้ค าแนะน าการปฏิบัติตัว หากมีข้อบ่งชี้ในการรับไว้เป็นผู้ป่วยใน ให้อยู่ใน
ห้องแยกโรคเดี่ยว (single room หรือ isolation room) โดยไม่จ าเป็นต้องเป็น AIIR
2) บุคลากรสวม PPE ตามความเหมาะสม กรณีทั่วไปให้ใช้ droplet ร่วมกับ contact precautions [กาวน์ ถุงมือ หน้ากากอนามัย และกระจังกันหน้า
(face shield)] หากมีการท า aerosol generating procedure เช่น การเก็บตัวอย่าง nasopharyngeal swab ให้บุคลากรสวมชุดป้องกันแบบ
#
airborne ร่วมกับ contact precautions [กาวน์ชนิดกันน้ า ถุงมือ หน้ากากชนิด N95 กระจังกันหน้า หรือแว่นป้องกันตา (goggle) และหมวกคลุมผม]
3) ถ้ามีข้อบ่งชี้ในการถ่ายภาพรังสีปอด (film chest) แนะน าให้เป็น portable x-ray
4) ตรวจทางห้องปฏิบัติการพื้นฐาน พิจารณาตามความเหมาะสม (ไม่จ าเป็นต้องใช้ designated receiving area ให้ปฏิบัติตามมาตรฐานของห้องปฏิบัติการ)
5) การเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อไวรัส SARS-CoV-2
ก) กรณีผู้ป่วยไม่มีอาการปอดอักเสบ เก็บ nasopharyngeal swab หรือ oropharyngeal swab ในหลอด UTM หรือ VTM (อย่างน้อย 2 มล.)
จ านวน 1 ชุด
ข) กรณีผู้ป่วยมีอาการปอดอักเสบ และไม่ใส่ท่อช่วยหายใจ
o เก็บเสมหะใส่ใน sterile container จ านวน 1 ขวด หรือ ใส่ในหลอด UTM หรือ VTM จ านวน 1 ชุด
o เด็กอายุ <5 ปี หรือผู้ที่ไม่สามารถเก็บเสมหะได้ ให้เก็บ nasopharyngeal swab หรือ oropharyngeal swab หรือ suction ใส่ในหลอด UTM
หรือ VTM จ านวน 1 ชุด
ค) กรณีผู้ป่วยมีอาการปอดอักเสบ และใส่ท่อช่วยหายใจ เก็บ tracheal suction ใส่ในหลอด UTM หรือ VTM จ านวน 1 หลอด
8 แนวทางปฏิบัติการดูแลรักษาผู้ป่วยใน (IPD) ในสถานการณ์การระบาดของ COVID-19
#ในกรณีที่ท า swab ต่อเนื่อง ให้เปลี่ยนถุงมือทุกครั้งหลัง swab
ผลการตรวจหา SARS-CoV-2
ผู้ป่วยแต่ละราย ให้พิจารณาเปลี่ยนกระจังหน้าถ้าเปื้อน
ไม่พบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (1 ห้องปฏิบัติการ) ตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
1) พิจารณาดูแลรักษาตามความเหมาะสม 1) รับไว้ในโรงพยาบาล ใน single isolation room หรือ cohort
2) สามารถรักษาแบบผู้ป่วยนอกได้ ในกรณีที่ผู้ป่วยมีการสัมผัสโรคชัดเจน (เสี่ยงสูง) ward (ที่มีเฉพาะผู้ป่วยยืนยัน) ที่ระยะห่างระหว่างเตียงอย่าง
ให้พิจารณา home-quarantine ต่อจนครบ 14 วันหลังการสัมผัสโรค น้อย 1 เมตร
3) ถ้ามีอาการรุนแรง ให้พิจารณารับไว้ในโรงพยาบาลเพื่อการตรวจวินิจฉัย และรักษาตาม 2) กรณีอาการรุนแรง หรือต้องท า aerosol generating
ความเหมาะสม ให้ใช้ droplet precautions ระหว่างรอผลการวินิจฉัยสุดท้าย procedure ให้เข้า AIIR
4) กรณีอาการไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง พิจารณาส่งตรวจหาเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ซ้ า 3) ให้การรักษาด้วยยาต้านไวรัสตามแนวทางการดูแลรักษา
แนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษา และป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส าหรับแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข
โดย คณะท างานด้านการรักษาพยาบาลและการป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ คณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่างๆ
(คณะกรรมการก ากับดูแลรักษาโควิด-19) ฉบับปรับปรุง วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2563